Elmhurst, Ill.—Victoria Vasconcellos ผู้ก่อตั้งร้านค้าปลีกบนอินเตอร์เน็ตในชานเมืองชิคาโกกำลังอยู่ท่ามกลางสงครามกฎข้อบังคับที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้สูบบุหรี่ชาวอเมริกันนับล้านคน
Vasconcellos นำเข้าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์จากผู้ผลิตชาวจีนและขายบนเว็บไซต์ Cignot.com ของเธอ ซึ่งมีลูกค้า 14,000 ราย หญิงวัย 48 ปีท่านนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้จัดหาบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งขัดกับ Food and Drug Administration (FDA) ในเรื่องที่ว่าผลิตภัณฑ์นิโคตินแบบใหม่นี้เป็นอุปกรณ์เกี่ยวกับยาซึ่งจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติก่อนวางขายในตลาดและอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ FDA เริ่มสกัดกั้นสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา
บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เป็นทรงหลอด (tube) ที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ซึ่งเปลี่ยนนิโคตินเหลวเป็นละอองไอ ผู้ขายกล่าวว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ทั่วไปเพราะมันไม่มีสารพิษจากการเผาไหม้ยาสูบ มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์กล่าวว่ามันเป็นหนทางที่มีประสิทธิภาพในการเลิกสูบบุหรี่
อนาคตของอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดนี้ – ประมาณการว่าจะมียอดขาย $100 ล้านเหรียญต่อปีและเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะต้องรอดูผลของคดีที่นัดพิจารณาที่ศาลกลางในวอชิงตันดีซีเดือนหน้า FDA กำลังต่อสู้เพื่อที่จะควบคุมผลิตภัณฑ์นี้ว่าเป็นอุปกรณ์นำส่งยา เช่นเดียวกับหมากฝรั่งนิโคติน แผ่นแปะนิโคตินหรือผลิตภัณฑ์ทดแทนนิโคตินอื่นๆ ซึ่งจะทำให้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ต้องใช้เวลายาวนานในการทดสอบและมีค่าใช้จ่ายสูงเพื่อพิสูจน์ว่ามันปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
แต่บริษัทบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มากมายโต้แย้งว่าผลิตภัณฑ์ของพวกเขาถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกในการผ่อนคลายแทนบุหรี่ ไม่ใช่เป็นอุปกรณ์เพื่อทำให้คนเลิกนิโคติน พวกเขากล่าวว่าพวกเขาไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่สูงสำหรับการพิสูจน์ทางการแพทย์และคำสั่งดังกล่าวจะทำให้หลายๆ คนต้องเลิกทำธุรกิจไปหรือเป็นการบังคับให้ธุรกิจนี้ต้องทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ
นี่เป็นการทำให้เกิดช่องว่างมากขึ้นในสังคมด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่ก่อกวนสุขภาพของคนในประเทศมากที่สุดปัญหาหนึ่ง ชาวอเมริกัน 400,000 คนเสียชีวิตในแต่ละปีจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ กลุ่มสนับสนุนด้านสาธารณสุขมากมาย (รวมถึง FDA) กล่าวว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นเครื่องมือช่วยในการเลิกบุหรี่และยังเป็นการกระตุ้นผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ให้หันมาติดนิโคตินอีก
แต่กลุ่มผู้สนับสนุนทางด้านสาธารณสุขจำนวนหนึ่ง รวมถึง The American Association of Public Health Physicians โต้แย้งว่านโยบายตามแบบแผนเดิมที่จะทำให้คนเลิกสูบบุหรี่นั้นใช้ไม่ได้แล้ว กลุ่มดังกล่าวโต้แย้งว่าการสนับสนุนผู้ที่สูบให้หันไปสูบบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์ยาสูบไร้ควันอื่นๆ ที่จะสามารถลดจำนวนผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวข้องกับยาสูบในสหรัฐอเมริกาได้อย่างรวดเร็ว
ดร. Joel Nitzkin ประธานของผู้ควบคุมยาสูบของกลุ่มแพทย์สาธารณสุขกล่าวว่า บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์อาจจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่ที่ดีที่สุดที่มีขายอยู่ในตลาดตอนนี้ เขาคิดว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ควรถูกควบคุมเพื่อให้มั่นใจว่ามีมาตราฐานในการผลิต แต่เขาคิดว่าการควบคุมของ FDA ว่าเป็นยาสูบ
แทนที่จะควบคุมในฐานะที่เป็นอุปกรณ์นำส่งยาน่าจะเป็นกรอบการทำงานที่ดีที่สุด
จริงๆ แล้ว FDA สามารถควบคุมบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ภายใต้กฎหมาย 2009 (landmark 2009 law) ที่ให้ FDA มีอำนาจต่อการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ภายใต้กฎควบคุมเหล่านี้ ผู้ผลิตบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ไม่ต้องถูกกำหนดว่าต้องผ่านการอนุมัติที่ยืดยาวและมีค่าใช้จ่ายสูงก่อนทำการตลาด แต่ FDA กลับยืนยันว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์นำส่งยาที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
ขณะที่คดี (federal case) รอการตัดสินอยู่ ผู้ขายบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์และ “น้ำยา (juice)” – นิโคตินเหลวที่ใส่เข้าไปในอุปกรณ์ เริ่มมีขายในออนไลน์และในห้างเล็กๆ ที่ร้าน 7-Eleven ในแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก เท็กซัสและรัฐอื่นๆ ก็เริ่มขายบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ที่มียี่ห้อแล้ว ในเดือนเมษายน บริษัท Costco Wholesale Corp.ได้หยุดขายรุ่นหนึ่งในเว็บไซต์เพราะกังวลเกี่ยวกับท่าทีของ FDA บริษัท Wal-Mart Stores ได้ขายสินค้าบนเว็บไซต์ของเขาในปีนี้ด้วยแต่ก็ได้ยกเลิกไปเพราะมันไม่ได้รับการตอบรับมากและบริษัทก็กังวลเกี่ยวกับท่าทีของ FDA ด้วย
บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ใช้ไฟบ้างเพราะมันเป็นการจำลองประสบการณ์การสูบบุหรี่ เมื่อผู้ใช้ดูดบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ อะตอมไมเซอร์จะเปลี่ยนของเหลวที่บรรจุอยู่ข้างในให้กลายเป็นไอ ซึ่งการกระทำดังกล่าวจึงถูกเรียกว่า “สูดไอ” แทนที่จะเรียกว่า “สูบ” โดยทั่วไป ผู้บริโภคจ่ายเงิน $40 – $120 สำหรับชุดเริ่มต้น (starter kit) และจ่ายเงินจำนวนน้อยลงสำหรับลิควิด ชนิดเติม
โดยทั่วไป บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์บรรจุ propylene glycol (สารเคมีชนิดหนึ่งที่ใช้สร้างควันในการถ่ายทำภาพยนตร์) น้ำ นิโคตินและรสชาติเช่น “เอสเพรสโซ” และ “สตรอเบอรี่” ปริมาณของนิโคตินแตกต่างกันไปตามความพึงพอใจของลูกค้า บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์บางชนิดมีแบบที่ไม่มีนิโคตินด้วย
นักวิทยาศาสตร์บางท่านกล่าวว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์อาจจะมีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่เพราะมันไม่มีการเผาไหม้ของยาสูบ อันก่อให้เกิดสารพิษที่ส่วนมากที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีการตีพิมพ์และการรีวิวการศึกษาที่ตรวจสอบในเรื่องความเสี่ยงในระยะยาวที่มีต่อสุขภาพจากบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ นักวิทยาศาสตร์บางท่านกังวลเกี่ยวกับการได้รับไอระเหยจาก propylene glycol (ซึ่งโดยทั่วไป FDA ถือว่าปลอดภัยสำหรับใช้ในอาหารเช่น น้ำสลัด ส่วนผสมในเค้กและโซดา) ในระยะยาวอาจเป็นสาเหตุของภัยอันตราย
“มันมีเหตุผลมากมายที่ทำให้เชื่อได้ว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มีความปลอดภัยกว่า แต่ผมต้องการข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ามันปลอดภัย” Thomas Eissenberg กล่าว ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัย Virginia Commonwealth ซึ่งเป็นผู้ที่ศึกษาการติดนิโคติน
ในรายงานที่เผยแพร่ออกมาเมื่อปีที่แล้ว FDA กล่าวว่ามีการทำรีวิวในเบื้องต้นของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ 2-3 ยี่ห้อและพบว่าการควบคุมคุณภาพนั้นอยู่ในเกณฑ์ต่ำ คาทริดจ์บางอันที่อ้างว่าไม่มีนิโคตินแต่กลับพบว่ามีและหนึ่งใน 18 กลุ่มตัวอย่างได้พบร่องรอยของ diethylene glycol ซึ่งเป็นสารเคมีที่ใช้ในการต้านจุดเยือกแข็งซึ่งเป็นอันตรายต่อมนุษย์ FDA กล่าวว่าปริมาณนิโคตินที่ออกมานั้นไม่แน่นอน ไม่มีมาตราฐานซึ่งทำให้เกิดข้อกังวลด้านความปลอดภัย
บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นในประเทศจีนช่วงกลางปี 2000 และเข้ามาในสหรัฐอเมริกาในปี 2007 ผู้บริหารในอุตสาหกรรมนี้กล่าว มีบางประเทศเช่น แคนนาดาและออสเตรเลียห้ามการขายโดยเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่ามันยังไม่ได้รับการประเมินอย่างครบถ้วนในด้านความปลอดภัยและในด้านประสิทธิภาพ รัฐนิวเจอร์ซีและเมือง Suffolk ของรัฐนิวยอร์กห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในที่ที่ห้ามสูบบุหรี่ทั่วไป
The National Vapers Club (กลุ่มที่สนับสนุนผู้สูบบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ใน Valley Stream รัฐนิวยอร์ก) ประเมินว่ามีชาวอเมริกันอย่างน้อย 1 ล้านคนที่ใช้ผลิตภัณฑ์นี้ นาย Spike Babaian ประธานกลุ่มกล่าวว่าจำนวนบริษัทบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐอเมริกาได้เพิ่มขึ้นเป็น 300 บริษัทจากเดิมประมาณ 12 บริษัทเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
FDA เริ่มสกัดกั้นสินค้าที่มาจากเมืองจีนในเดือนมิถุนายน 2008 โดยให้เหตุผลว่าผลิตภัณฑ์นี้เป็นอุปกรณ์ยาที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติที่ใช้ในการรักษาการติดนิโคติน บริษัท Smoking Everywhere Inc. (ผู้จัดจำหน่ายบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ในฟลอลิด้า) ฟ้องร้อง FDA ในเดือนเมษายน 2009 โดยอ้างว่า FDA ไม่มีอำนาจเหนือผลิตภัณฑ์เหล่านี้ และผู้นำเข้าอีกรายคือบริษัท Sottera Inc. ของ Scottsdale รัฐอริโซนา ซึ่งภายหลังได้เข้าร่วมในคดีในฐานะเป็นโจทย์
ขณะที่คดียังรอการตัดสินอยู่ สภาคองเกรสได้ผ่านกฎหมายที่ให้อำนาจ FDA ในการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ซึ่งผู้ที่ร่างกฎหมายให้นิยามอย่างกว้างๆ ว่า “ผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่ทำมาจากหรือพัฒนามาจากยาสูบที่ตั้งใจผลิตเพื่อการบริโภคของมนุษย์” แต่ FDA ถือว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์เป็นอุปกรณ์นำส่งยา ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ยาสูบเหมือนบุหรี่หรือ snuff
Richard J. Leon ผู้พิพากษาศาลของสหรัฐที่ District of Columbia ออกคำสั่งศาลในชั้นต้นกับ FDA เมื่อเดือนมกราคม โดยตัดสินว่า Smoking Everywhere และ Sottera ทำการตลาดบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ว่าเป็นทางเลือกเพื่อการผ่อนคลายแทนบุหรี่ทั่วไปมากกว่าที่จะทำตลาดว่าเป็นตัวช่วยในการเลิกสูบบุหรี่ ผู้พิพากษาเรียกการกระทำของ FDA ว่า “การกระทำที่ดื้อรั้น ที่จะขยายอำนาจควบคุมของตนเองให้มากที่สุด” เขากล่าวว่า บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มีนิโคตินที่มาจากยาสูบและกล่าวอีกว่ามันเข้าข่ายกฎหมายยาสูบฉบับใหม่
FDA ชนะในการระงับการตัดสินของผู้พิพากษา Leon ที่ FDA ได้ร้องทุกข์ต่อศาลอุทธรณ์สหรัฐของ District of Columbia Circuit และ FDA ยังคงกักกันและไม่ให้มีการนำเข้าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ โฆษกกล่าว
ผู้สูบบุหรี่หลายคนกล่าวว่าพวกเขาสามารถเลิกพฤติกรรมการสูบเพียงไม่กี่วันโดยเปลี่ยนไปสูบบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์แทน “การหายใจของผมดีขึ้น การนอนหลับก็ดีขึ้น” Greg Hester วัย 42 ปี ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับ information-system ในแอตแลนต้าซึ่งสูบบุหรี่มามากกว่า 20 ปีกล่าว
คุณ Vasconcellos เจ้าของกิจการในอิลลินอยส์กล่าวว่าเธอเริ่มสูบบุหรี่เมื่ออายุ 14 ปีและต่อมาก็สูบวันละ 2 แพ็ก เธอพยายามเลิกโดยการใช้แผ่นแปะนิโคตินและผลิตภัณฑ์อื่นๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ในช่วงต้นปี 2009 เธอพยายามใช้บุหรี่อิเล็กทรอนิกส์และใช้มันเรื่อยมาตั้งแต่บัดนั้น
คุณ Vasconcellos ผู้ซึ่งเคยทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์มาก่อน ได้ค้นพบบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ “ชีวิตได้เปลี่ยนไปจนฉันต้องบอกให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์” เธอเริ่มตั้งบริษัท Cignot Inc. เมื่อปีที่แล้วและกล่าวว่าบริษัทฯ มียอดขายประมาณ 1.5 ล้านเหรียญดอลล่าร์ เว็บไซต์บริษัทของเธอไม่ได้กล่าวอ้างถึงสุขภาพแบบเฉพาะเจาะจงใดๆ เธอเรียกบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ว่า “ทางเลือกที่น่าอัศจรรย์ของบุหรี่ยาสูบ”
Vasconcellos กล่าวว่าเธอสูญเสียเงินหลายหมื่นดอลล่าร์เพราะสินค้่าที่ส่งมาจากเมืองจีนถูกบล็อกโดย FDA และการปฏิบัติของ FDA ทำให้มันยากต่อการทำธุรกิจ FDA ปฏิเสธที่จะอนุญาตให้นำเข้าที่ชาร์จแบตเตอรี่ของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ Vasconcellos ได้สั่งมาจากประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ตามที่ระบุในเอกสารของ FDA ที่ถูกรีวิวโดย The Wall Street Journal คุณ Vasconcellos พยามยามหลีกเลี่ยงการตรวจพบโดยสั่งสินค้าเข้ามาในพัสดุขนาดที่เล็กลงและส่งไปที่บ้านของเพื่อนทั่วสหรัฐอเมริกา
โฆษกหญิงของ FDA กล่าวว่า FDA ปฏิเสธการนำเข้าของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 700 ครั้งทั่วประเทศ ตั้งแต่ FDA เริ่มกักกันสินค้าและทบทวนผลิตภัณฑ์นี้เมื่อสองปีที่แล้ว
Steve McVey เจ้าของ PureSmoker.com ในเมือง Goodlettsville รัฐ Tenn.ใกล้ Nashville มีสินค้าที่ส่งมาจากประเทศจีนที่มีมูลค่า $59,000 ถูกยึดเมื่อปีที่แล้วและต้องเผชิญกับความล่าช้าที่ยาวนานเพื่อการตรวจสอบสินค้าอย่างละเอียด “เราเกือบจะปิดร้าน 3-4 ครั้งแล้ว” McVey กล่าว
อย่างไรก็ตาม McVey กล่าวว่าบริษัท Pure Enterprise Inc. ซึ่งเป็นบริษัทของเขามีรายได้ $1.3 ล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว
เพื่อต่อต้านแรงกดดันจาก FDA บริษัทได้เริ่มผลิตสินค้าบางอย่างในอเมริกาแล้ว McVey จ้างนาย Jeff Hilderbrand หนุ่มวัย 28 ปีซึ่งจบการศึกษาจาก Texas A&M University เพื่อปรุงน้ำยาบุหรี่อิเล้กทรอนิกส์ในห้องแล็บเล็กๆ
มีหลายบริษัทฯ กำลังผลิตอีลิควิดในอเมริกา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลที่ FDA ได้หยิบยกขึ้นมาเมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพของโรงงานในจีน
บริษัท Johnson Creek Enterprises LLC ซึ่งเป็นบริษัทในรัฐ Wisconsin ที่ผลิต “smoke juice” กล่าวว่ามีการแจงส่วนประกอบทั้งหมดบนบรรจุภัณฑ์และใช้ฝาปิดแบบป้องกันเด็กด้วย (นิโคตินเป็นส่วนประกอบหลักที่เป็นสารเสพติดในผลิตภัณฑ์ยาสูบซึ่งสามารถเป็นพิษได้หากใช้ในปริมาณมาก โดยทั่วไปแล้วคนเชื่อว่ามันไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็ง (noncarcinogenic) และเชื่อว่ามันได้ถูกโยงกับโรคความดันโลหิตสูง)
Christian Berkey ผู้ซึ่งเคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้าน Apple Inc. เป็นผู้ก่อตั้ง Johnson Creek Enterprises กล่าวว่าเขาอยากจะให้อุตสาหกรรมนี้ถูกควบคุมเหมือนกับผลิตภัณฑ์ยาสูบเพื่อสร้างมาตราฐานในเรื่องคุณภาพ
Johnson Creek ขายน้ำยาสำหรับบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ให้แก่ blu Cigs ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ Jason Healy ประธาน blu Cigs กล่าวว่า ยอดขายของบริษัท Charlotte N.C. กำลังย่างเข้าสู่ยอด $30 ล้านในปีนี้
โฆษกหญิงของ FDA กล่าวว่า FDA รู้ว่าบางบริษัทกำลังผลิตลิควิดบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์อื่นๆ ในอเมริกาแต่ยังไม่ได้ทำการต่อต้านใดจนถึงทุกวันนี้ เธอปฏิเสธที่จะขยายความต่อว่าเป็นเพราะเหตุใด
ผู้สนับสนุนการควบคุมยาสูบ รวมถึง American Lung Association และ American Legacy Foundation กล่าวว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ลึกลงไปอีก ผู้สนับสนุนเหล่านี้มีความกังวลว่าผลิตภัณฑ์นี้จะสามารถดึงดูดผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะเยาวชนและส่งเสริมให้หันไปสูบบุหรี่ทั่วไป ผู้สนับสนุนการควบคุมยาสูบยังมีความกังวลอีกว่าบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์มักจะมีขายออนไลน์ซึ่งมันยากที่จะตรวจสอบว่าผู้ซื้อมีอายุอย่างน้อย 18 ปีขึ้นไป
เจ้าของบริษัทบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ของอเมริกาทั้งหลายกล่าวว่าหาก Federal court ตัดสินอนุญาตให้ FDA จัดให้สินค้าดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ยาและจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติก่อนทำการตลาดนั้นจะทำให้หลายๆ คนต้องล้มเลิกธุรกิจและจะก่อให้เกิดตลาดมืดขึ้นมา
“ถ้ารัฐบาลพยายามที่จะปราบปรามในเรื่องนี้ มันจะก่อให้เกิดตลาดมืด” David Dettloff เจ้าของ FreedomSmokerUSA แห่ง Tucson รัฐ Arizona ซึ่งเป็นผู้ขายน้ำยาของบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์กล่าว “90 เปอร์เซนต์ของทุกคนที่ได้สูดไอ (vapes) ดีใจมากที่สามารถละจากบุหรี่ได้และพวกเขายินดีจะซื้อมันในร้านขายยา (drug market)”
Thanks: http://www.e-cignews.com
แปลและเรียบเรียงจาก: E-Cigarettes Spark New Smoking War |